เผยเบื้องหลังเรื่องราวมืดมนของ “The Batman” ที่หวนคืนสู่รากเหง้าในฐานะนักสืบที่เก่งที่สุดแห่งโลก DC Comics

เผยเบื้องหลังเรื่องราวมืดมนของ “The Batman” ที่หวนคืนสู่รากเหง้าในฐานะนักสืบที่เก่งที่สุดแห่งโลก DC Comics

 

ผลงานจาก Warner Bros. Pictures (วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส) และ DC Comics (ดีซีคอมิกส์) ร่วมด้วย แมตต์ รีฟส์ ผู้กำกับมากวิสัยทัศน์และฝีมือ สู่การสร้างสรรค์อันตื่นตาที่จะนำพาเรื่องราวของอัศวินแห่งรัตติกาลบนแผ่นฟิล์มให้หวนคืนสู่รากเหง้าของการสืบสวนในฐานะ The World’s Greatest Detective แห่งจักรวาลดีซีคอมมิกส์ กับ “The Batman”

นับเป็นช่วงเวลากว่า 10 ปีหลังปิดตำนานไตรภาค The Dark Knight โดย คริสโตเฟอร์ โนแลน ถึงเวลาแล้วสำหรับการปลุกชีพของอัศวินแห่งรัตติกาลให้หวนคืนสู่แผ่นฟิล์มในฐานะภาพยนตร์เดี่ยวอีกครั้งภายใต้วิสัยทัศน์ของ แมตต์ รีฟส์ กับเรื่องราวช่วงปีที่ 2 ของ บรูซ เวย์น ในบทบาทของ แบทแมน (นำแสดงโดย โรเบิร์ต แพตทินสัน) ผู้ล้างแค้นที่มักจะปรากฏตัวออกมาจากเงามืดและสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเหล่าอาชญากรในเมืองก็อตแธมต้องขวัญผวา

โดยการกระทำดังกล่าวได้นำพาตัวของแบทแมนให้ถลำลึกเข้าไปพัวพันกับคดีอาชญากรรมต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคดีฆาตรกรรมของ เดอะ ริดเลอร์ (นำแสดงโดย พอล ดาโน) อาชญากรเจ้าปัญหาผู้มากด้วยเกมปริศนา สร้างแผนการร์อันแยบยลเพื่อเฝ้ารอให้ผู้ล้างแค้นได้ตามสืบสวนคำใบ้ต่าง ๆ และร่วมเป็นหนึ่งในสักขีพยานในการเปิดหน้ากากความจริงอันแสนโสมมของเมืองก็อตแธมแห่งนี้

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว : ฉันอยู่ที่นี่เพื่อเปิดโปงความจริง

แมตต์ รีฟส์ ผู้กำกับและร่วมเขียนบทภาพยนตร์ได้นำพาตัวละครอัศวินแห่งรัตติกาลหวนคืนสู่รากเหง้า ผ่านการนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์ฟิล์มนัวร์ มุ่งเน้นไปที่การสืบสวนเป็นหลัก โดยเมืองก็อตแธมของเขามีความกลัวเป็นเครื่องมือชั้นดีที่เหล่าผู้มีอำนาจเลือกใช้ในการปกครองผู้คน

โดยบทบาทแบทแมนฉบับของ โรเบิร์ต แพตทินสัน คือชายผู้อุทิศชีวิตยามค่ำคืนคอยสอดส่องภัยร้ายต่าง ๆ เขาคือคนธรรมดาที่นำเอาความเกลียดชังและความกลัวมาใช้เป็นเครื่องมือ ในฐานะผู้ล้างแค้นที่คอยจ้องมองเหล่าอาชญากรผ่านเงามืดควบคู่ไปกับสืบสวนและการไขปริศนาในคดีต่าง ๆ ซึ่งเมื่อยามที่สัญลักษณ์ค้างคาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า นี่คือสัญญาณเตือนอันน่าสะพรึงที่คอยกระตุ้นความกลัวให้เกิดขึ้นกับเหล่าผู้กระทำผิดในเมืองแห่งนี้

 “แบทแมนเริ่มจากการเป็นนักสืบ ฉะนั้นการหาทางย้อนกลับไปสู่จุดนั้น มันมีอะไรมากกว่าความหวือหวาของตัวละคร DC Super Hero การที่เขาสร้างแรงบันดาลใจให้เราคือเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ผมมักหาสิ่งนั้นในงานทั่วไป สิ่งสำคัญสำหรับผมคือการหาเรื่องราวความเป็นมาของใครสักคน และในเรื่องแบทแมนก็มีสิ่งนั้น เราอยากทำให้เขาเป็นคนที่มีพลังวิเศษอย่างแท้จริง และสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เขาควรจะทำ” แมตต์ รีฟส์ ได้กล่าวเอาไว้

แมตต์ รีฟส์ เขียนบทร่วมกับ ปีเตอร์ เคร็กโดยเริ่มจากการร่างบทเองและอาศัยบางส่วนจากโลกของดีซีคอมมิกส์ เริ่มจากตอนที่ บรูซ เวย์น เป็นแบทแมนมาแล้วประมาณ 2-3 ปี

“ผมอยากเริ่มจากเรื่องราวที่มาที่ไป ตอนที่แบทแมนยังเป็นหนุ่ม ได้เห็นมุมที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่เก่งขึ้น เราเลยมีแบทแมนในร่างนั้นและพาเขาไปไขปริศนาในแบบที่ไม่เหมือนเรื่องราวทั่วไป แต่เป็นการเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เล่นกับความอ่อนไหวของเขา

“เขาเข้าถึงผู้คนได้เพราะชุด รถ อุปกรณ์ต่าง ๆ เขาดูเท่มาก แต่เขายังไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง ลึก ๆ แล้วเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีแรงผลักดัน เขาอยากทำให้โลกนี้ดีขึ้น แต่เรื่องจริงคือเขาไม่ได้ทำเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นทำให้ตัวละครเขาถึงได้ง่ายขึ้น

“เขาไขปริศนาจากสิ่งที่ฆาตกรต่อเนื่องได้ทิ้งเอาไว้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก แต่ก็นำไปสู่บางเรื่องที่กระทบอารมณ์สุด ๆ” แมตต์ รีฟส์

โรเบิร์ต แพตทินสัน นักแสดงหนุ่มมากความสามารถจาก Good Time (2017) และ Tenet (2020) รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากกับบทบาท บรูซ เวย์น และ แบทแมน ที่เขาได้รับ โดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า

“ผมไม่เคยสนใจเล่นหนังซูเปอร์ฮีโร่มาก่อนเลย มันไม่ได้อยู่ในเส้นทางของผมเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะแบทแมนมีความพิเศษนอกเหนือจากเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ในแง่ศิลปะแล้วตัวละครนี้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีจุดเด่นที่สำคัญหลายอย่าง และพอผมได้ยินว่า แมตต์ รีฟส์ จะมาร่วมงานในเรื่อง ผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก ตอนที่ผมได้คุยกับเขา เขาเอาสตอรี่บอร์ดช่วงแรก ๆ มาให้ดู มันทำให้เห็นถึงกลิ่นอายบางอย่างที่ต่างออกไป มุมมองของเขามีความน่าตื่นเต้น และตัวตนของบรูซก็มีความแตกต่างออกไปเช่นกัน เขาดูโดดเดี่ยวและอ้างว้าง แถมยังเหมือนถูกบังคับให้ต้องทำแบบนี้ มันเห็นความสิ้นหวังจนทำให้เกิดการถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนุก” โรเบิร์ต แพตทินสัน

อีโก้ของแบทแมนผู้เปราะบาง : ฉันคือผู้ล้างแค้น

“มันมีความโกรธแค้นอยู่ในตัวเขา จนทำให้เขาจัดการสิ่งที่ทำอยู่ยากขึ้น” โรเบิร์ต แพตทินสัน

“นี่ไม่ใช่แบทแมนที่อยู่ในการควบคุม” แมตต์ รีฟส์ เน้นย้ำ “นี่คือแบทแมนที่ค่อนข้างเปราะบาง ไอเดียอยู่ที่การเข้าไปสำรวจเรื่องการสวมหน้ากากและความหมายของมัน เรามีคนที่คิดว่าเขาควบคุมตัวเองได้ แต่เขาพยายามค้นหาความหมายของชีวิตหลังเกิดเหตุการณ์ตายของคนในครอบครัว เมื่อเขาสวมหน้ากากและได้ทำเป้าหมายนี้ เขากลายเป็นเหมือนเงามืด ความซับซ้อนนั้นคือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบทแมน”

“ตอนที่แมตต์กับผมเจอกันที่ออฟฟิศของเขาปี 2018 เราคุยกันถึงช่วงกลางคืนเรื่องโปรเจ็กต์ แมตต์มีความรู้สึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ช่วงปีที่ 2 ของการทำตัวเป็นศาลเตี้ยของแบทแมน ช่วงเวลาที่เขายังไม่เป็นที่ยอมรับจากตำรวจก็อตแธม และยังไม่ถูกวางตัวให้เป็นฮีโร่ ผมรู้และหลงรักตัวละครนี้รวมถึงอีกหลายมุมของเขา ผมเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการทำงานครั้งนี้” ปีเตอร์ เคร็ก

แมตต์ รีฟส์ เล่าถึงเหตุผลให้การคัดเลือก โรเบิร์ต แพตทินสัน มารับบท บรูซ เวย์น และ แบทแมน  “ผมพิถีพิถันเรื่องการถ่ายทอดหลากหลายมุมของตัวละคร ผมอยากให้เขาดูโดดเดี่ยว มีส่วนผสมระหว่าง เคิร์ท โคเบน กับ โฮเวิร์ด ฮิวส์ โดยบรูซเก็บตัวเงียบจากการเป็นคนในตระกูลเวย์น หากเราเห็นเขาก็เหมือนเราเห็นดารา แต่เขากลับออกตระเวนช่วงค่ำคืน บทบาทของเขาคือการเป็นแบทแมน เขาเป็นคนคิดมาก และนั่นคือความตื่นเต้นของผมเกี่ยวกับ โรเบิร์ต แพตทินสัน เพราะเขาถ่ายทอดบุคลิกนั้นออกมาได้อย่างชัดเจนมาก”

“ผมบอกไม่ได้เลยว่าทำไม บรูซ เวย์น ถึงมีความรู้สึกที่ต่างออกไป” โรเบิร์ต แพตทินสัน กล่าว “จากนั้นผมก็เข้าใจว่าเป็นเพราะในเรื่องนี้เขาไม่ใช่เพลย์บอย นี่เป็นจุดสำคัญในหนังแบทแมนเรื่องก่อน ๆ มันเลยให้ความรู้สึกที่แปลกไปมาก บรูซมีความโดดเดี่ยวอ้างว้างและดูน่าหลงใหล ผมรู้ว่าแมตต์มองว่าเขาเหมือนคนไร้ค่า แต่มันมีอะไรอีกหลายอย่างในความรู้สึกนั้นด้วย บรูซไม่รู้ว่าเขาจะได้ช่วยเหลืออะไร เขาไม่รู้ว่าการเป็นแบทแมนจะได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่เขาแค่ถูกบังคับให้ทำมัน และรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น มันมีความเศร้าอยู่ในตัวและค่อนข้างแตกต่างออกไป”

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของอีโก้และบุคลิกส่วนตัว” โรเบิร์ต แพตทินสัน กล่าวต่อ “หากเขาสวมชุดนั้นและเชื่อมั่นในชุดนั้น มันก็จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นอีกตัวละครหนึ่ง เขาไม่ใช่บรูซแล้ว เขาคือแบทแมน ผมอยากให้เขามีความเป็นมนุษย์น้อยลงเวลาที่สวมชุดนั้น บรูซยังคงหาคำตอบว่าแบทแมนคือใครกันแน่ และนั่นทำให้เกิดแบทแมนอีกหลายเวอร์ชั่นขึ้นมา ซึ่งนับว่าเป็นความแปลกใหม่”

“นั่นคือเหตุผลที่การต่อสู้กลายเป็นเรื่องส่วนตัวด้วยเช่นกัน เหตุผลที่เขาสู้กับคนพวกนี้เพราะทุกครั้งที่เขาต่อสู้กับคนแปลกหน้า มันเหมือนพวกนั้นคือคนที่ทำเรื่องเลวร้ายไว้กับเขา บางครั้งเขานึกภาพว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือคนที่ฆ่าพ่อแม่เขา แต่สุดท้ายนั่นไม่ใช่วิธีที่จะเอาชนะได้ เพราะหากเราต่อสู้โดยใช้อารมณ์มากไป เราจะทำเรื่องผิดพลาดและเกิดการสูญเสียได้ แต่ผมคิดว่าเขาไม่สนใจเรื่องการมีชีวิตอยู่รอดต่อไป เขาแค่อยากทำให้เจ็บปวด ลงโทษให้เกิดความยุติธรรมอย่างน่าสงสัย” โรเบิร์ต แพตทินสัน

ปริศนาที่นำพาไปสู่การสืบสวน : ถ้านี่คือความยุติธรรม ได้โปรดอย่างโป้ปด

เดอะ ริดเลอร์ อาชญากรผู้สวมหน้ากากอันลึกลับพร้อมก่อคดีฆาตกรรมอันเหี้ยมโหด โดยมีเกมปริศนาและหลากอุปกรณ์ที่พร้อมสร้างความทรมานให้กับเหยื่อผู้ทรงอิทธิพลในเมืองก็อตแธม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดหน้ากากความจริงของเมืองอันโสมมแห่งนี้

แมตต์ รีฟส์ เล่าว่า “เดอะ ริดเลอร์ เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่แสดงให้เห็นถึงแรงจูงใจของเขา ซึ่งเป็นตัวละครที่สร้างมลทินให้กับก็อตแธม แบทแมนและริดเลอร์ได้แชร์ให้เห็นถึงมุมมองของพวกเขาที่มีต่อเมืองหางนี้ รวมถึงเรื่องอาชญากรรมและการคอร์รัปชั่น”

“ผมเริ่มคิดถึง พอล ดาโน และเขียนบทขึ้นมาโดยมีเขาอยู่ในจินตนาการ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาอยากมาเล่นบทนี้มั้ย” แมตต์ รีฟส์ แมตต์ รีฟส์ กล่าวต่อ “เดอะ ริดเลอร์ เป็นคนที่ฉลาด มีพลังที่จะสร้างรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมา เขามีเป้าหมายที่โหดร้ายมาก โดยเปลี่ยนมันเป็นพวกตัวเลขและปริศนาต่าง ๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาควบคุมการทำตัวเป็นศาลเตี้ยของแบทแมนได้ โชคดีที่ตอนผมส่งบทให้พอล เขาสนใจบทมากและตื่นเต้นที่ตัวละครมีความเข้าถึงได้ เขาเข้าใจไอเดียของฆาตกรจักรราศีที่สื่อถึงตัวคาแรกเตอร์ของฆาตกรต่อเนื่อง”

“ตัวละครริดเลอร์เขาต้องดูมีความบ้าบิ่น ต้องมีการใช้ปริศนา คำพูดส่อเสียด การหยอกล้อ และเป็นผู้นำเมืองนี้ ส่วนแบทแมนพยายามไขข้อความนี้ เขาพยายามหาคำตอบว่าทำไมเมืองนี้ถึงมีความเสื่อมโทรม เขาแทบจะพูดได้ว่า ‘ฉันพบคำตอบแล้วและจะแสดงให้เห็น แต่การจะทำแบบนั้นได้คงต้องผ่านความทรมาณและทำให้นายกลัวถึงตายได้’”

พอล ดาโน่ ผู้รับบท เอ็ดเวิร์ด แนชตัน และ เดอะ ริดเลอร์ รู้สึกอินกับบทเป็นอย่างมาก เขาเข้าถึงทั้งบุคลิกและความรู้สึกอันเจ็บปวดของตัวละครได้เป็นอย่างดี จนเขาสามารถสะท้อนสิ่งเหล่านี้ผ่านการแสดงอันยอดเยี่ยมออกมาได้

“แมตต์กับผมคุยถึงผลลัพธ์จากความสะเทือนใจทั้ง 2 ด้าน มันทำให้ผมเข้าใจจริง ๆ บรูซ เวย์น ต้องสูญเสียพ่อแม่และแบกรับความเจ็บปวดนี้โดยการทำสิ่งที่ดี และเรายังมีบาดแผลจาก เอ็ดเวิร์ด แนชตัน ที่มีความเศร้าและต้องแบกรับความเจ็บปวดในแบบของตัวเอง เขาคิดจะทำสิ่งที่ดีแต่ก็กลายเป็นเลือกทางผิด เราจะถ่ายทอดความแปลกใหม่ให้ตัวละครร้ายนี้ได้อย่างไร? ผมคิดว่าการสร้างเบื้องหลังที่เป็นแรงผลักดันของตัวละครแบบที่แมตต์เขียนขึ้นมาทำให้ผมรู้สึกดีมาก” พอล ดาโน่

ก็อตแธม เมืองแห่งอาชญากรรมและคนป่วยไข้ : เจอกันในนรก

สำหรับภาพลักษณ์ของ The Batman ผู้กำกับอย่าง แมตต์ รีฟส์, ผู้กำกับภาพ เกร็ก ฟราเซอร์, ผู้ออกแบบฉาก เจมส์ ชินลันด์ และทีมงานคนอื่น ๆ มีเป้าหมายที่ไม่ธรรมดาสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ในการออกแบบโลกแห่งค้างคาวที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน แมตต์ รีฟส์ เล่าว่า “เราเคยเห็นก็อตแธมในหนังหลายเวอร์ชั่นมาแล้ว ทั้งเวอร์ชั่นที่น่าทึ่ง ทิม เบอร์ตัน และเวอร์ชันที่ดูสมจริงของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ส่วนเรื่องราวของเราจะถ่ายทอดความเป็นมาของเมืองแห่งนี้”

แมตต์ รีฟส์ พิถีพิถันกับการสร้างโลกที่ดูสมจริงและไม่คุ้นตาขึ้นมา “เราไม่อยากให้มีไทม์สแควร์ตั้งอยู่บนจัตุรัสก็อตแธม เราเลยเพิ่มตึกสูงระฟ้าขึ้นมา และปรับปรุงรถไฟให้เป็นแนวโกธิคแบบเวลลิงตันสแควร์ในลิเวอร์พูล ไอเดียนั้นจะทำให้เราคิดว่า ‘มันคือที่ไหนกัน?’ หนึ่งในตัวละครของเรื่องคือก็อตแธม เช่นเดียวกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากการทุจริตในก็อตแธม ไอเดียของการนำเสนอสถานที่นั้นเป็นตัวละครหนึ่งคือสิ่งสำคัญมาก”

เกร็ก ฟราเซอร์ เข้าใจจินตนาการของผู้กำกับในทันที “พอได้อ่านโปรเจ็กต์นี้แล้วผมรักมันเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถ้าผมอ่านเรื่องอะไรหรือคุยกับผู้กำกับเรื่องไหนแล้วผมเดินออกมาด้วยความรู้สึกทึ่ง ผมจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย แบทแมนมีความแข็งแกร่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์มาอย่างยาวนาน และถูกรีเมคโดยผู้สร้างภาพยนตร์เก่ง ๆ หลายราย”

เจมส์ ชินลันด์ ถูกดึงตัวมาร่วมโปรเจ็ตก์นี้ผ่านตัวละครสำคัญ เขาเล่าว่า “สิ่งหนึ่งที่แมตต์กับผมคุยกันช่วงแรก คือเราอยากทำให้หนังดูมีความดาร์ก แต่ไม่ดาร์กจนดูไม่ไหว มันต้องเรียกความสนใจจากคนกลุ่มใหญ่ได้ แต่โทนเรื่องต้องย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้นของแบทแมนในหนังสือการ์ตูน โดยที่ บรูซ เวย์น ยังเป็นตัวละครที่มีบาดแผล และแบทแมนคือผลลัพธ์จากบาดแผลนั้น”

“สิ่งหนึ่งที่คอยเตือนผมตั้งแต่ช่วงแรกคือเรื่องความหดหู่” เกร็ก ฟราเซอร์ เล่าต่อ “โดยเฉพาะการกำหนดแสงไฟท่ามกลางความหดหู่นั้นขึ้นมา มันฟังแล้วขัดกัน แต่มันมีวิธีการสร้างความสว่างในภาพนั้น แต่ต้องเห็นความเศร้าที่อยู่ในตัวละครด้วย”

“ชุดแบทแมนและหน้ากากมีความมืดมาก การจะเห็นตัวละครนั้นผ่านชุดที่เข้ม ผ่านแววตาที่เข้ม เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมันท้าทายการจัดแสงไฟให้เหมาะสมต่อการสะท้อนอารมณ์ออกมา แต่ต้องไม่เปิดเผยอารมณ์มากเกินไปด้วย ต้องอาศัยความสมดุลเป็นอย่างมาก ระหว่างการทดสอบกล้องจึงเห็นได้ชัดว่าเราต้องกำหนดขอบเขตการจัดแสงในดวงตา หาจุดสมดุลระหว่างการเห็นรายละเอียดกับซ่อนรายละเอียด นั่นคือเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่เราค้นพบตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม” เกร็ก ฟราเซอร์

ผู้ออกแบบฉาก เจมส์ ชินลันด์ ได้แรงบันดาลใจมาจากความต้องการของ แมตต์ รีฟส์ ในการนำเสนอโลกของแบทแมนที่ดูแปลกใหม่ “เราอยากสำรวจโลกใบนั้นและพื้นที่ใหม่ ๆ” เขากล่าว “ด้วยการนำทางและจินตนาการของแมตต์ ผมคิดว่าเราจะได้พบกับสิ่งที่เป็นแบบฉบับของเราได้”

เจมส์ ชินลันด์ เป็นแฟนตัวยงของแบทแมนตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก เขาเลยมีแนวทางเฉพาะตัวเป็นพิเศษ “แมตต์อยากแน่ใจว่าเรานำเสนอโลกที่รู้สึกว่าพบได้ตามถนนหนทางทั่วไปได้ เป็นโลกที่ผู้ชมจะคุ้นเคยดี วิชวลหลายส่วนของแมตต์จะอิงจากหนังยุค 1970 และภาพของยุคนั้น รวมถึงพวกกรวดหินต่าง ๆ จากยุคนั้น ซึ่งนันคือต้นกำเนิดหรือดีเอ็นเอของโลกแบทแมน”

“เราคิดถึงผลกระทบจากการทุจริตและอาชญากรรมที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศด้วย” เจมส์ ชินลันด์ กล่าวต่อ “มันช่วยกำหนดการวางภาพต่าง ๆ ที่จะพาเราเดินหน้าต่อ มันช่วยกำหนดจุดที่เราควรอยู่ได้ คือโลกของการผสมผสานที่เราเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา มีความคล้ายกับเมืองดีทรอยต์และคลีฟแลนด์ แต่ขณะเดียวกันก็มีความโดดเด่นเฉพาะตัว”

ดนตรีประกอบ : เปิดหน้ากากความจริง

ไมเคิล จิแอคชิโน่ คือนักประพันธ์มากฝีมือที่ แมตต์ รีฟส์ เลือกใช้บริการในภาพยนตร์เรื่องนี้ “นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 5 ที่ผมกับ ไมเคิล จิแอคชิโน่ ได้ร่วมงานกับ และเป็นการร่วมงานที่น่าตื่นเต้น ผมรักการทำงานร่วมกับเขา เขาเป็นคนตลกมากแต่ก็อารมณ์อ่อนไหวเหลือเชื่อ ผมรักเขามากเป็นการส่วนตัวและเป็นหนึ่งในคนที่ผมชื่นชอบ ตอนที่ผมทำผลงานแรกในเรื่อง ‘Planet of the Apes’ เขาคือคนแรกที่ผมโทรหา เพราะผมรู้ว่าเขามีตุ๊กตา  Planet of the Apes ครบทุกตัว ผมรู้ว่าเขามีความผูกพันแบบเดียวกันตั้งแต่เด็ก พอผมต้องทำเรื่อง ‘The Batman’ ผมบอกกับเขาว่า ‘เดาสิ จะเป็นยังไงต่อ?’ เขามีความรักและความผูกพันกับแบทแมนแบบเดียวกับผมเลยครับ”

“ไมเคิลเขาบอกผมว่าอยากทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน นั่นก็คือการบันทึกเสียงก่อนที่ผมจะถ่ายทำภาพยนตร์ครับ  ผมตอบตกลงกับเขาทันที ผมตื่นเต้นกับมันมาก โดยระหว่างนั้นเขาจะส่งตัวอย่างเพลงที่แต่งขึ้นมาให้ฟังนิดหน่อย” 

แมตต์ รีฟส์ เล่าต่อ “คืนก่อนที่ โรเบิร์ต แพตทินสัน จะทดสอบหน้ากล่อว ไมเคิลส่งเพลง MP4 มาให้ฟังนิดนึง เขาเล่นผสมกับวงออเคสตร้าจนกลายเป็นธีมของเพลงขึ้นมา มันเป็นทั้งธีมของบรูซและแบทแมนในเพลงชุดนั้น และผมทึ่งกับมันมากเลย! มันสื่ออารมณ์ได้มาก”

“หากนี่คือความยุติธรรม ได้โปรด อย่าโป้ปด” ร่วมไขปริศนาอันดำมืด เปิดโปงทุกคำลวงภายใต้หน้ากากความจริงไปพร้อมกับ The Batman” วันนี้ในโรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ และระบบพิเศษ

 

เครดิต : ข้อมูลและภาพประกอบจาก WarnerBros Thailand

เผยเกมปริศนา ผ่านเบื้องหลังเรื่องราวอันมืดมนของ “The Batman” ภาพยนตร์ที่นำพาอัศวินแห่งรัตติกาลหวนคืนสู่รากเหง้าในฐานะนักสืบที่เก่งที่สุดแห่งโลก DC Comics