เผยเรื่องเล่าแห่งเมืองก็อตแธม ใน “The Batman” ผ่านวิสัยทัศน์ของ “แมตต์ รีฟส์”

เผยเรื่องเล่าแห่งเมืองก็อตแธม ใน “The Batman” ผ่านวิสัยทัศน์ของ “แมตต์ รีฟส์”

“ร่างหนึ่งซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด เป็นเงาที่แฝงเร้นอยู่ในเงา เหล่าอันธพาลหลายสิบรายรวมตัวกันอยู่บนชานชาลาโล่งของสถานีรถไฟใต้ดิน ศีรษะขาวโพลน ดวงตาจับจ้องไปยังเงาดำมืดของทางเดินที่ไร้แสงไฟ พวกมันต่างเฝ้ามองการมาถึงของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญที่เป็นดั่งปีศาจในเงามืด เสียงฝีเท้ากึกก้องดังใกล้เข้ามาพร้อมลมหายใจหน่วงหนัก เหล่าอันธพาลตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นเหมือนหนูในท่อระบายน้ำที่รถไฟกำลังจะพุ่งเข้าชน ในที่สุดร่างนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นภายใต้ผ้าคลุมสีดำและชุดต่อสู้สีดำด้าน เขาสวมหน้ากาก หนึ่งในกลุ่มโจรเอ่ยปากถามสั้น ๆ ‘แกเป็นใครกันวะ’ พลางก้าวมาข้างหน้าเพื่อเตรียมป้องกันตัวด้วยท่อเหล็กในมือ ร่างนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปลดอาวุธโจรรายนั้น ระดมต่อยมันเข้ากับพื้นปูนของชานชาลาด้วยความโหดเหี้ยมดังสัตว์ร้าย จากนั้นลุกขึ้นจ้องตาโจรรายนั้นพร้อมตอบคำถาม ‘ข้าคือการล้างแค้น’”

บรรยากาศในฉากของ The Batman โดยผู้กำกับ แมตต์ รีฟส์ (Cloverfield, Dawn of the Planet of the Apes และ War for the Planet of the Apes) ชวนให้หวาดหวั่นไม่แพ้การเปิดตัวของตัวละครเอกในเรื่อง ด้วยความมืดมน หม่นหมอง เต็มไปด้วยความคั่งแค้นที่เก็บกดเอาไว้ภายใน การถ่ายทำส่วนใหญ่เกิดขึ้นกลางดึก ทว่าการถ่ายทำช่วงกลางวันก็ยังคล้ายปกคลุมด้วยความมืด สายฝนเทกระหน่ำในเมืองก็อตแธม สภาพแวดล้อมนี้เกิดขึ้นโดยเจตนาตามแนวทางการสร้างสรรค์ที่ผู้กำกับได้วางไว้ แมตต์ รีฟส์ มีวิสัยทัศน์ที่เรียบง่ายตรงไปตรงมา เป็นคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับตัวตนที่แท้จริงของนักรบใต้เสื้อคลุมผู้นี้

“Batman เริ่มจากการเป็นเรื่องราวแบบนัวร์ (noir) ถูกไหม” แมตต์ รีฟส์ ตั้งคำถามนำ “คอมิกเป็นเรื่องราวแบบนัวร์และเขาก็เป็นนักสืบ เพราะฉะนั้นการย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้น การถอดความเป็นแฟนตาซีแบบซูเปอร์ฮีโร่ทิ้งไป และให้เขาเป็นมนุษย์ที่ปรารถนาจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่…สำหรับผม นี่แหละที่น่าตื่นเต้น”

นอกเหนือจากงานออกแบบ แมตต์ รีฟส์ ได้วางแนวทางของหนังจากความต้องการที่จะหลีกหนีจากเรื่องราวเกี่ยวกับจุดกำเนิดและความเป็นมา “ผมเห็นหนังที่เล่าถึงจุดกำเนิดมาแล้วหลายเรื่อง และผมคิดว่า ‘อืม ผมไม่อยากเล่าเรื่องราวจุดกำเนิด ผมอยากเล่าถึงแบทแมนวัยหนุ่มเลย’ ผมอยากวางเขาไว้ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ตัวละครนี้ยังเหลือสิ่งที่ต้องปรับปรุง เขายังต้องผลักดันตัวเองให้เก่งกว่านี้ ผมอยากเล่าเรื่องของแบทแมนคนนี้และให้เขาได้ไขปริศนา เป็นเรื่องราวที่ไม่ได้เล่าถึงจุดกำเนิด แต่อ้างถึงจุดกำเนิดของเขาและสั่นสะเทือนเขาถึงตัวตนภายใน”

การถ่ายทอดฉากอันดำมืดตกเป็นหน้าที่ของผู้กำกับภาพ เกร็ก เฟรเซอร์ (Rogue One: A Star Wars Story, Dune: Part One และ Dune: Part Two) ซึ่งทำงานร่วมกับ แมตต์ รีฟส์ มานานแล้ว เขาช่วยผู้กำกับรายนี้ฉายภาพโลกที่เหมาะกับตัวละครเอกของเรื่อง

“แมตต์กับผมคุยกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าอยากให้โทนย้อนกลับไปเหมือนตอนเริ่มเรื่องของแบทแมนในหนังสือคอมิก” เฟรเซอร์ เล่า “บรูซ เวย์น เป็นตัวละครที่แหลกสลายและแบทแมนก็เป็นผลจากความแหลกสลายนั้น เราใช้ Batman: Year One เป็นแหล่งอ้างอิงหลัก เราไม่ได้ศึกษาเจาะลึกแต่ดูแนวทางโดยรวม แล้วมันก็กลายมาเป็นจุดตั้งต้นให้หนังของเรา เพราะมันเล่าถึงเรื่องราวของแบทแมนในวัยหนุ่มที่ค่อนข้างจะดาร์คกว่าช่วงอื่น ๆ”

เพื่อถ่ายทอดภาพชายในหน้ากาก แมตต์ รีฟส์ ต้องการนักแสดงผู้สามารถถ่ายทอดสิ่งที่เขาเรียกว่า เงาตามทฤษฎีของคาร์ล ยุง” (Jungian shadow-side) สำหรับตัวตนลับอีกภาคหนึ่งของ แบทแมน นั้น เขาอยากได้ บรูซ เวย์น ที่ดูกลัดกลุ้มร้อนรน คล้าย ๆ เคิร์ต โคเบน ผสมกับ ฮาวเวิร์ด ฮิวส์ “เราเคยเห็นบรูซที่เป็นเพลย์บอย บรูซที่เป็นมหาเศรษฐีรวยล้นฟ้า แต่ผมอยากให้เขาเป็นคนเก็บตัวและออกจะร็อคแอนด์โรลล์หน่อย หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา บรูซถอยห่างจากการเป็นคนตระกูลเวย์น และคุณจะเห็นว่าเขาเหมือนกับร็อคสตาร์เลย”

โรเบิร์ต แพตทินสัน (Good Time, The Lighthouse และ Tenet) มารับช่วงอธิบายต่อ “ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่อ่านบท มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างมาก ๆ บรูซยังคงต้องต่อสู้ดิ้นรน เขาไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยแล้วจะสบายใจ แม้กระทั่งตอนที่เขาไม่ใช่แบทแมนก็เถอะ เขายังควบคุมบุคลิกของตัวเองไม่ได้ ยังไม่สามารถกำหนดเส้นแบ่งระหว่างเวลาที่เขาเป็นแบทแมนกับเวลาที่เขาเป็นบรูซ เขายังไม่ได้กำหนดให้ชัดเจนว่าแบทแมนคืออะไร ผมว่าการที่เขายังควบคุมตัวเองไม่ได้ตรงนี้มันน่าสนุกดี”

“สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นในตัวโรเบิร์ต” แมตต์ รีฟส์ กล่าว “ก็คือความจริงจังของเขา เรารู้ว่าเขาจะผลักดันตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด” แมตต์ รีฟส์ พยายามที่จะนำตำนานของแบทแมนมาจัดวางโครงสร้างใหม่ และมองว่า โรเบิร์ต แพตทินสัน เป็นภาพที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับตัวละครที่ได้กลายเป็นฮีโร่มากกว่าเป็นมนุษย์ไปแล้ว “ไม่ว่าอย่างไร” ผู้กำกับรายนี้กล่าว “ผมก็อยากได้แบทแมนที่มีความเป็นมนุษย์อย่างถึงที่สุด รอยแผลเป็นคือความแข็งแกร่งของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาเหมาะจะเป็นคนที่ผลักดันตัวเองให้ถึงขีดสุด เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่เขาจะค้นพบความหมายในชีวิตได้ แบทแมนในเรื่องนี้เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีพลังพิเศษคือการยอมอดทนแบกรับทุกสิ่งเอาไว้”

ผู้อำนวยการสร้าง ดีแลน คลาร์ก เห็นเช่นเดียวกัน หลังจากทำงานกับ แมตต์ รีฟส์ มาหลายปี เขาเข้าใจดีถึงการเล่าเรื่องอย่างสะเทือนอารมณ์ตามสไตล์ของผู้กำกับรายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวละครที่โด่งดังอย่างแบทแมนและการรับบทบาทโดยนักแสดงอย่าง โรเบิร์ต แพตทินสัน “เราไม่เคยดูหนังแบทแมนที่ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านมุมมองของแบทแมนมาก่อน” ดีแลน คลาร์ก กล่าว “แนวทางของแมตต์น่าสนใจมากเพราะหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวการสืบสวน เราไม่เคยได้เห็นแบทแมนเป็นนักสืบ ในเรื่องนี้เราจะได้อยู่กับแบทแมนในทุก ๆ ฉากและปะติดปะต่อเงื่อนงำต่าง ๆ ไปพร้อมกับเขา”

แมตต์ รีฟส์ เปรียบเทียบมุมมองลักษณะนี้กับหนังอย่าง Chinatown (1974) ซึ่งมุมมองของผู้ชมและตัวละครเอกจะดำเนินสอดคล้องกัน ดีแลน คลาร์ก เสริมว่า “ตลอดทั้งเรื่องเขาต้องออกไปสืบสวนเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ และเรื่องราวก็ชวนให้ตั้งคำถามไปเรื่อย ๆ เกี่ยวกับตัวตนของเขา ที่มาของเขา และมรดกที่เขาสร้างไว้ ผมคิดว่าแมตต์บรรลุผลสูงสุดในแง่การนำเสนอช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์ พร้อมกันนั้นก็ได้มอบความบันเทิงสเกลใหญ่บนจอภาพยนตร์ด้วย การมาบรรจบกันระหว่างงานสร้างที่ยิ่งใหญ่กับความแนบชิดทางอารมณ์ช่วยให้งานของแมตต์แตกต่างออกมา”

แน่นอนว่าฮีโร่ที่ “เป็นมนุษย์อย่างถึงที่สุด” ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว แมตต์ รีฟส์ ไม่ยอมเผยข้อมูลมากเกินไป โดยอธิบายว่าแบทแมนของเขาต้องมาประลองกับวายร้ายโรคจิตอย่าง ริดเลอร์ ผู้โด่งดัง โดย The Batman ได้เหล่าดาราดังมากมายมารับบทเป็นตัวละครหลักในคอมิก โดยแต่ละคนก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือฮีโร่รายนี้ขณะที่เขาพยายามไขปริศนาสุดอันตรายของ ริดเลอร์

โซอี้ คราวิทซ์ (Fantastic Beasts and Where to Find Them, Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald และ Spider-Man: Into the Spider-Verse) รับบทเป็น เซลินา ไคล์ ซึ่งยังไม่ได้เป็น แคทวูแมน แต่เป็นจอมโจรเจ้าเล่ห์ในร่างแมวป่าที่ชื่นชอบการช่วยเหลือคนหลงทางอย่าง บรูซ เวย์น

“แมตต์เขียนบทที่น่าเหลือเชื่อและสร้างตัวละครที่น่าเหลือเชื่อ” โซอี้ คราวิทซ์ เล่า “สิ่งที่น่าจะสำคัญที่สุดคือการพยายามสร้างมนุษย์จริง ๆ ขึ้นมา ฉันอยากให้เธอเป็นคนที่มีอยู่จริงในสถานการณ์จริง ในเมืองจริง คนที่พยายามเอาชีวิตรอดและต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจริง ๆ”

นอกจากนี้ แมตต์ รีฟส์ ยังได้ติดต่อให้นักแสดงมากประสบการณ์ เจฟฟรีย์ ไรท์ (The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 และ 2, What If...? และ No Time to Die) มารับบทเป็น เจมส์ กอร์ดอน เสาหลักของกรมตำรวจเมืองก็อตแธมผู้คอยต่อสู้กับความฉ้อฉล แมตต์ รีฟส์ บรรยายว่า กอร์ดอน และ แบทแมน เป็นคู่หูกันแบบเดียวกับ วู้ดวอร์ด และ เบิร์นสไตน์ จากเรื่อง All the President’s Men (1976) เป็นชายสองคนที่ค้นหาความจริงท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการโกหกหลอกลวง

“กอร์ดอนกับแบทแมนเป็นทีมเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องราวเวอร์ชันนี้” เจฟฟรีย์ ไรท์ กล่าว “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากอร์ดอนเป็นคนดีโดยเนื้อแท้หรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ เขาปรารถนาที่จะเป็นคนดี เขาทนไม่ไหวกับความทุจริตเลวทรามที่ยึดครองเมืองนี้และเขาก็พยายามที่จะทำตัวให้ถูกต้อง เขาต้องการสร้างความยุติธรรมบางอย่างแต่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่อย่างน้อยเขาก็พยายาม”

แน่นอนว่ามหากาพย์แบทแมนจะไม่มีทางสมบูรณ์หากขาดตัวละครผู้โด่งดังอย่าง อัลเฟรด พ่อบ้านผู้ภักดีของบรูซและต่อมาได้กลายเป็นเหมือนพ่อของเขา แอนดี้ เซอร์คิส (The Lord of the Rings Trilogy, War for the Planet of the Apes และ Star Wars Sequel Trilogy) ซึ่งประสบความสำเร็จในการร่วมงานกับ แมตต์ รีฟส์ มาแล้ว ได้ก้าวเข้ามารับบทนี้ด้วยความทุ่มเทไม่แพ้ตัวละครที่เขารับบท

“อัลเฟรดรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นผู้รอดชีวิต” แอนดี้ เซอร์คิส กล่าว “เขารู้สึกว่าตัวเองควรอยู่ปกป้องพ่อแม่ของบรูซตอนที่ทั้งสองถูกสังหาร และเขารู้สึกว่าต้องเป็นคนรับผิดชอบ มีความตึงเครียดที่ไม่ได้เอ่ยออกมาระหว่างอัลเฟรดกับบรูซเพราะอัลเฟรดรู้สึกว่าเขาเป็นคนผิด เขารู้จักบรูซมาตั้งแต่เกิดแล้วก็ต้องกลายมาเป็นเหมือนพ่อเลี้ยงให้เขาโดยไม่ได้ตั้งตัว แต่อัลเฟรดไม่ใช่คนแบบนั้น เขามีความเป็นทหารและไม่เก่งเรื่องการสื่อสารทางอารมณ์ มันจึงเป็นความสัมพันธ์อีกแบบที่แฝงความจริงมากมายเอาไว้”

ฮีโร่ทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อหยุดยั้งวายร้ายและความเสื่อมทรามในก็อตแธมก็พร้อมรับบทบาทนี้อยู่แล้ว ต้นตอหนึ่งของความป่วยไข้ในเมืองนี้ก็คือ อ็อซ หรือ ออสวัลด์ คอบเบิ้ลพอต ที่รู้จักกันในนามแฝงว่า มนุษย์เพนกวิน นักแสดงอย่าง โคลิน ฟาร์เรล (The Lobster, Fantastic Beasts and Where to Find Them และ After Yang) ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับตัวละครเพนกวินแต่อย่างใดเลย (ทั้งร่างม่อต้อ ตัวอ้วนท้วน หรือเหนียงใต้คางแบบตัวการ์ตูน) ความท้าทายนี้เองที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักแสดงรายนี้

“ผมเห็นผลงานที่ศิลปินช่างแต่งหน้า ไมค์ มาริโน ได้สร้างสรรค์ขึ้นและหน้าตาของเพนกวินที่เขาวางแผนเอาไว้ แล้วผมก็อึ้งไปเลย” โคลิน ฟาร์เรล กล่าว “ผมเกิดจินตนาการบรรเจิดขึ้นมาเดี๋ยวนั้นเลย เป็นครั้งแรกที่ผมได้แต่งหน้าเต็มรูปแบบและได้รับโอกาสให้รับบทบาทเป็นตัวละครแบบนี้ ผมต้องขอบคุณไมค์และทีมงาน รวมถึงขอบคุณแมตต์ที่มุ่งมั่นผลักดันตัวละครนี้ให้เต็มที่อย่างที่เราได้ทำมา”

จอห์น เทอร์ทูร์โร รับบทเป็น คาร์มิน ฟัลโคนี (Transformers: Revenge of the Fallen และ Transformers: The Last Knight) เจ้าพ่อแก๊งอาชญากรใต้ดินประเภทเดียวกันกับ แกมบิโน โคลอมโบ หรือแม้กระทั่ง คอร์เลโอเน ฟัลโคนี อยู่ตรงจุดตัดของอำนาจในเมืองก็อตแธม เป็นจุดคุมเชิงที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าการจู่โจมของแบทแมนและแคทวูแมน ด้วยความที่เป็นแฟนของ Dark Knight มานาน จอห์น เทอร์ทูร์โร จึงสนใจเป็นอย่างยิ่งที่ แมตต์ รีฟส์ วางแนวทางของตัวละครตัวนี้ให้เป็นแบบนัวร์ขนานแท้ เขากล่าวย้ำมุมมองของผู้กำกับว่า “อย่าลืมว่านี่เป็นคอมิกสืบสวนสอบสวนนะ สมัยที่ผมซื้อมาอ่านด้วยราคา 5 เซนต์หรืออะไรเทือกนั้น เขาก็เรียกคอมิกพวกนี้ว่าคอมิกสืบสวน ผมอ่านคอมิกของ แฟรงค์ มิลเลอร์ อ่าน The Long Halloween งานพวกนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก The Godfather อย่างเห็นได้ชัดเลย และผมก็รู้จัก Godfather อย่างละเอียดถี่ถ้วนเลย อิทธิพลพวกนี้มารวมเข้าด้วยกันในระดับที่มากน้อยต่างกันไป”

ในที่สุดเราก็มาถึงตัวละครหลักฝั่งตรงข้ามกับฮีโร่ของเรา นักฆ่าโรคจิตซึ่งรู้จักกันเพียงในชื่อ เดอะริดเลอร์ คนคลั่งใส่หน้ากากรายนี้ข่มขวัญนักสืบที่เก่งที่สุดในโลกด้วยการส่งแบทแมนออกไปตามล่าหาเงื่อนงำที่กระจายอยู่ทั่วแวดวงใต้ดินของก็อตแธม พอล ดาโน (Prisoners, 12 Years a Slave และ Okja) สุดยอดนักแสดงมากฝีมือ มารับบทเป็นวายร้ายผู้โหดเหี้ยมรายนี้ได้อย่างน่าสะพรึงกลัว

“สำหรับผมแล้วเส้นแบ่งที่เลือนรางระหว่างแบทแมนกับเหล่าวายร้ายนั้นทรงพลังเสมอ” พอล ดาโน กล่าว “ผมคิดว่าแมตต์อาศัยประโยชน์จากแง่มุมนี้และกล้าที่จะขุดค้นให้ลึกลงไป ฮีโร่กับวายร้ายอาจฟังดูเหมือนการแยกขั้วเป็นสีดำกับสีขาว แต่ที่จริงแล้วก็มีส่วนที่เป็นสีเทาอยู่มากเหมือนกัน แบทแมนและวายร้ายต่างก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากโลกใบนี้ ผมคิดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวละครเหล่านี้ทรงพลังและสะท้อนถึงจิตสำนึกร่วมของคนเรามาอย่างยาวนาน”

ประเด็นนี้เองที่ผลักดันวิสัยทัศน์ของ แมตต์ รีฟส์ ให้ไกลยิ่งกว่าเดิมจากการสร้างสรรค์โลกแบบนัวร์ซึ่งความมืดมิดเข้าปกคลุมทุกสิ่ง ตัวละครแบทแมนอาจไม่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่มากเท่ากับที่เป็นหมาป่าตัวหนึ่งซึ่งได้พบหมาป่าตัวอื่น ๆ ในโลกภายนอก เป็นเงาที่แฝงเร้นอยู่ในเงา เช่นเดียวกับ เจมส์ กอร์ดอน เขาไม่ได้เป็น “คนดี” โดยเนื้อแท้แต่เป็นคนที่พยายามรักษาความดีไว้ท่ามกลางกระแสคลื่นแห่งความเสื่อมทราม เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและ แมตต์ รีฟส์ สั่งเลิกกองคืนนี้ พอล ดาโน ก็ยืนยันแนวคิดนี้ด้วยประโยคที่เรียบง่ายทว่าเป็นแก่นสาร “วายร้ายใส่หน้ากาก แต่แบทแมนก็ใส่หน้ากากเหมือนกัน”

“หากนี่คือความยุติธรรม ได้โปรด อย่าโป้ปด” ร่วมไขปริศนาอันดำมืด เปิดโปงทุกคำลวงภายใต้หน้ากากความจริงไปพร้อมกับ The Batman” 3 มีนาคมนี้ ในระบบปกติ และระบบพิเศษ ที่โรงภาพยนตร์

พิเศษ รับชมThe Batman” ก่อนใคร วันพุธที่ 2 มีนาคม รอบเวลา 19.00 น. ในระบบ IMAX เฉพาะที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และ เมเจอร์ฯ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และระบบ Zigma Cinestadium เฉพาะที่ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ และ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า เชียงใหม่ เท่านั้น!

 

เผยเรื่องเล่าแห่งเมืองก็อตแธม ใน “The Batman” ผ่านวิสัยทัศน์ของ “แมตต์ รีฟส์” ชายผู้นำพาเรื่องราวของอัศวินแห่งรัตติกาลหวนคืนสู่การไขปริศนาในโลกอาชญากรรม