ย้อนร้อยประวัติศาสตร์นักปฏิวัติ ก่อนดู "Judas and the Black Messiah"

ย้อนร้อยประวัติศาสตร์นักปฏิวัติ ก่อนดู "Judas and the Black Messiah"

จากเหตุการณ์จริงของเหล่านักปฏิวัติ เรื่องราวของกลุ่มคนที่เรียกร้องความเสมอในสังคมที่เรียกตัวเองว่าประเทศเสรีแต่กลับเต็มไปด้วยการเลือกปฏิบัติ สู่ภาพยนตร์คุณภาพกวาดรางวัล "Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์" 

Judas and the Black Messiah บอกเล่าเรื่องราวของ วิลเลียม โอ’นีล (ลาคีธ สแตนฟีลด์) ชาวแอฟริกันอเมริกันผู้มีอาชีพเป็นหัวขโมย ซึ่งเขาได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าสายลับพิเศษของทางเอฟบีไอ รอย มิตเชลล์ (เจสซี่ พลีมอนส์) ให้ทำหน้าที่แทรกซึมเข้าไปยัง แบล็ค แพนเตอร์ ปาร์ตี้ สาขาอิลลินอยส์ เพื่อคอยจับตาและรายงานทุกการเคลื่อนไหวของ เฟรด แฮมพ์ตัน (แดเนียล คาลูย่า) ชายผู้เป็นประธานของกลุ่ม ชายผู้เปี่ยมด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าและวาทะปลุกใจ ขณะเดียวกัน วิลเลียม โอ’นีล ต้องเผชิญหน้ากับความสับสนและทางเลือกที่ยากเกินจะตัดสินใจ เมื่อเขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้เรื่องความเสมอภาคของมนุษย์ ขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่เป็นสายลับสองหน้าให้กับทางรัฐบาล ซึ่งเขาจะประคองพลังแห่งความดีเอาไว้ได้หรือไม่? หรือสยบแฮมพ์ตัน กับ เดอะ แพนเตอร์ส ด้วยทุกวิถีทางภายใต้คำสั่งของเอฟบีไอ?

ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 1960 ที่สหรัฐอเมริกาได้เกิดเหตุการณ์สำคัญและสร้างความวุ่นวายมากที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ของชาวอเมริกัน ประเทศที่พร่าบอกเรื่องสิทธิและเสรีภาพแต่กลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมืองและความไม่สงบทางสังคม เจ้าหน้าที่รัฐถูกผู้ชุมประท้วงอย่างรุนแรงด้วยเรื่องสังคม เรื่องเพศ สงครามเวียดนาม และความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในด้านเชื้อชาติ กลุ่มคนผิวสีจากทั่วประเทศต้องพบกับความไม่เสมอภาคทางด้านสาธารณสุข ที่อยู่อาศัย การศึกษา และการจ้างงาน ทุกอย่างล้วนกระทบจากความไม่เสมอภาค และมันก็ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ผู้อำนวยการหน่วยงานการสืบสวนแห่งรัฐ เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ได้พัฒนา COINTELPRO โปรแกรมหาข่าวกรองที่ถูกออกแบบมาเพื่อสยบเสียงเรียกร้องทางการเมืองและองค์กรที่คิดต่าง ผ่านการตรวจตรา แทรกซึม แคมเปญต่าง ๆ ที่ทำลายชื่อเสียง และการสร้างความแตกแยกให้กับเหล่าผู้ประท้วง โดยมีการเพ่งเล็งไปที่กลุ่มคนผิวสี เพื่อสลายการประท้วงจากต้นกำเนิด ฮูเวอร์หมายมั่นจะกำจัดพวก แบล็ก เมสไซอาห์ (Black Messiah) โดยในปี 1967 ฮูเวอร์ได้ยื่นฟ้อง เฟรด แฮมป์ตัน นักศึกษาวิทยาลัยในมิดเวสเทิร์นชาวผิวสี ผู้ก่อตั้งลัทธิเพื่อกิจกรรมทางการเมืองและมากด้วยวาทะปลุกใจเหล่ามวลชน จนเป็นเหตุให้เขาเป็นที่จับตามองของหน่วยงานราชการ

แฮมป์ตันได้กลายเป็นประธานพรรคเสือดำ แบล็ก แพนเตอร์ ปาร์ตี้ (BPP Black Panther Party) ที่อิลลินอยส์เมื่อปี 1968 พร้อมทำหน้าที่ผู้นำการต่อสู้เพื่ออิสรภาพขององค์กร Edom, for the power of self-determination และเพื่อยุติความโหดเหี้ยมของเจ้าหน้าที่ตำรวจและการสังหารคนผิวสีอย่างทารุณ ทางหน่วยงานของภาครัฐได้จัดลำดับให้แฮมป์ตันอยู่ในดัชนีของ “แร็บเบิล-รูเซอร์” หรือ “อากิเตเตอร์” มีการระบุตัวเขาในฐานะของผู้นำการต่อสู้คนสำคัญที่ก่ออันตรายต่อระบบความปลอดภัยของประเทศ และขณะเดียวกันทางเอฟบีไอได้แต่งตั้งให้ วิลเลียม โอ’นีล ชายหนุ่มชาวแอฟริกันอเมริกัน เข้าไปแทรกซึมกลุ่มแบล็ก แพนเตอร์ ปาร์ตี้ เพื่อติดตามข่าวสารและการเคลื่อนไหววงในของแฮมป์ตัน

ในปี 1969 ประธานเฟรด แฮมป์ตัน ถูกเอฟบีไอสังหารในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 4 ธันวาคม เขามีอายุเพียง 21 ปี และเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1990 วิลเลียม โอ’นีล ได้เล่าถึงชีวิตตนเองในวันเดียวกันนั้นผ่านทางซีรีส์สารคดี “Eyes on the Prize 2” เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ผ่านหน้าจอเพียงครั้งเดียวของโอ’นีลเกี่ยวเรื่องการเข้าไปพัวพันกับแฮมป์ตันและแพนเตอร์ ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุ 40 ปี

ในเวลากว่า 2 ปีในกลุ่มแบล็ก แพนเตอร์ ปาร์ตี้ แฮมป์ตันมีบทบาทสำคัญต่อแพนเตอร์และสังคมเป็นวงกว้าง จนก้าวไปอยู่ระดับแถวหน้าของประเทศและเป็นที่สนใจจากทั่วโลก ขณะที่เรื่องราวการสังหารแฮมป์ตันโดยรัฐบาลสหรัฐฯ กลับไม่เป็นที่กล่าวถึงในห้องเรียน แต่ผลงานที่แฮมป์ตันฝากไว้ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่ม Black Power Movement ตลอดช่วงเวลากว่า 50 ปี

Judas and the Black Messiah เป็นผลงานการกำกับฯ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของสตูดิโอเรื่องแรกของ ชาก้า คิง โดยโปรเจ็กต์นี้ผลิตร่วมกันระหว่างตัว ชาก้า คิง และพาร์ทเนอร์ของเขา วิล เบอร์สัน ผู้ร่วมเขียนบทฯ ร่วมด้วย เคนนี่ ลูคัส และ คีธ ลูคัส ด้านนักแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เพียกพร้อมไปด้วยทีมนักแสดงมากฝีมือ ประกอบด้วย แดเนียล คาลูย่า ดีกรีผู้เข้าชิงรางวัล Oscar (Get Out, Widows, Black Panther) มารับบท เฟรด แฮมพ์ตัน ที่ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบทบาทการแสดงที่ดีที่สุดของเขา, ลาคีธ สแตนฟีลด์ (Atlanta, The Girl in the Spider’s Web) มารับบท วิลเลียม โอ’นีล กับบทบาทสายลับสองหน้าที่ท้าทายฝีมือการแสดงของเขาแบบขั้นสุด, เจสซี่ พลีมอนส์ (Vice, Game Night, The Post), โดมินิก ฟิชแบ็ค (The Hate U Give, The Deuce), แอชตัน แซนเดอร์ส (The Equalizer 2, Moonlight) และ มาร์ติน ชีน (The Departed, The West Wing, Grace & Frankie)

"Judas and the Black Messiah จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์" ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscars จำนวน 6 รางวัล ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับภาพยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แดเนียล คาลูย่า, ลาคีธ สแตนฟิลด์) นอกจากนี้ Judas and the Black Messiah ยังการันตีคุณภาพด้วยรางวัลอีกมากมาย "คุณฆ่านักปฏิวัติได้ แต่คุณฆ่าการปฏิวัติไม่ได้" 22 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

 

ย้อนร้อยประวัติศาสตร์นักปฏิวัติ ก่อนดู "Judas and the Black Messiah" เมื่อคุณฆ่านักปฏิวัติได้ แต่คุณฆ่าการปฏิวัติไม่ได้ ภาพยนตร์ดราม่าสุดเข้มข้นสะท้อนเสียงและอำนาจของมวลชน