Nissan Navara 2021 Double Cab VL  ปิกนิกจุดกางเต็นท์ที่ไร่ย่าแย้ม เขื่อนศรีนครินทร์

Nissan Navara 2021 Double Cab VL ปิกนิกจุดกางเต็นท์ที่ไร่ย่าแย้ม เขื่อนศรีนครินทร์

Nissan Navara 2021 Double Cab VL

หลังจากเจอสถานการณ์โควิด-19 ระลอกสอง ก็ทำให้หลายวงการต้องสะเทือนรวมถึงสื่อสายยานยนต์ด้วย เพราะการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ต่าง ๆ เป็นอันต้องเลื่อนกันระนาว รวมไปถึงการทบสอบ นิสสัน นาวาร่า ใหม่ 2021 เช่นกัน จากที่ทางนิสสันเพลนไว้ว่าจะพาสื่อมวลชนทั้งสายยานยนต์และไลฟ์สไตล์ไปทดสอบกระบะสุดเจ๋งรุ่นนี้กันที่จังหวัดตาก มีทาง Off Road ให้ตะลุยกันแบบมันส์หยด ก็ต้องย่อความสนุกให้เป็น One Day Trip กรุงเทพ-กาญจนบุรี ในทริปนี้แทน

แต่ความสนุกในการขับขี่ครั้งนี้ทำให้ผมประทับใจมากครับ นอกจากขับสนุกแล้วยังลุ้นมันส์หยดเพราะให้น้องสาวจากอีกสื่อหนึ่งได้ลองขับด้วย เพราะการขับขี่ของเธอนั้นทำให้ผมต้องลุ้นแบบเกือบลืมหายใจในบางช่วงไปเลยทีเดียว (ฮา)

เรียกว่าการทดสอบทริปนี้ทำให้ผมได้เห็นถึงสมรรถนะระบบความปลอดภัยจัดเต็มของ Nissan Intelligent Mobility แทบทุกฟังก์ชั่น คือรถดีมาก อัจฉริยะจริง ๆ ทำให้มือใหม่หัดเทสต์ขับพาผมและน้องพีอาร์อีกคนรอดมาได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องขอพรหลวงพ่อวัดไหนเลย

เช้าตรู่ของวันทดสอบเราเริ่มต้นกันที่โรงแรม อีสติน แกรนด์ สาธร ด้วยการปรีฟข้อมูลผลิตภัณฑ์และเส้นทางโดยออกจากโรงแรมวิ่งไปทางถนนบรมราชชนนีตัดเข้าราชบุรีและทะลุออกไปยังจุดหมายคือไร่ย่าแย้ม จังหวัดกาญจนบุรี

มาดูตัวรถกันก่อนครับ รูปโฉมภายนอกสวยงาม ดูบึกบึน ซุ้มล้อมีขนาดใหญ่ กระจังหน้าแบบ Interlock เสริมความดุดัน ไฟหน้าแบบ Quad-eye LED 4 ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้าย LED light guide แบบเส้นเดียว ให้ความรู้สึกถึงกระบะใหญ่ ๆ เท่ ๆ สไตล์อเมริกันมาก ชุดเครื่องเสียงรองรับ Android auto และ Apple Carplay มีแผนที่ในตัว สามารถเชื่อมมือถือผ่านแอพฯ Nissan Connect ดูค่าต่าง ๆ ในรถและมีความสามารถอีกเพียบ ในทริปนี้เราต่อแต่ Apple Carplay เพราะทางนิสสัน ประเทศไทย เขามี I Phone ให้ไว้ใช้ในรถคันละหนึ่งเครื่องเพื่อดูแผนที่และฟังเพลง ระบบเสียงบอกเลยเพลิดเพลินทั้งขาไปและขากลับ บันเทิงมาก

ในรุ่น Double Cab VL ที่ผมขับนั้นจะมีเบาะไฟฟ้า แต่ไม่ได้ชุดแต่งจัดเต็มแบบ Pro-4X ตัวแต่งเต็มที่แพงสุดในรุ่น แต่จะเป็นเบาะแบบปรับด้วยมือ ส่วนระบบอื่น ๆ จะเหมือนกัน คือแค่แต่งมาพร้อมหล่อกับไม่ได้แต่งแต่ออกมาแนวหรูหราอย่างคันที่ผมขับนั่นเอง

เครื่องยนต์รุ่น YS23DDTT เทอร์โบคู่ ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC ทวินเทอร์โบ ให้พลังแรงสูงสุด 190 แรงม้าแรงบิด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode) รองรับน้ำมันดีเซลทุกประเภททั้ง B7, B10 และ B20

พวงมาลัยไฟฟ้า น้ำหนักเลี้ยวเบา ขับง่ายแม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องออกแรงเยอะ ช่วงล่างดีนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเหมือนกับขับรถเก๋งแต่อยู่ในร่างกระบะประมาณนั้น เรียกว่าสาว ๆ ที่นั่งไปกับผมทั้งสองท่านผลัดกันหลับเพลิน ๆ ตลอดทางขาไปเลยก็ว่าได้ จะตื่นก็ตอนแวะปั้มน้ำมันกับแวะร้านกาแฟเท่านั้นเอง

หลังจากแวะร้านกาแฟช่วงสาย พวกเราก็มุ่งหน้าไปยังไร่ย่าแย้ม ซึ่งระหว่างทางวิวสวยมากครับ เพราะเป็นทางขึ้นเขาสลับกับเห็นวิวเขื่อนศรีนครินทร์ ธรรมชาติสวยงามมาก แม้จะเป็นทริปวันเดียวแต่อาหารตาระหว่างการขับขี่นี่แหละคือการผ่อนคลายอย่างดี เหมือนได้มาขับรถเที่ยวชมวิวสวย ๆ เลยครับ

ไร่ย่าแย้มจะต้องเข้ามาทางเขื่อนศรีนครินทร์ และทางเข้าไร่นั้นก็จะได้ลุยกับทางขรุขระสไตล์ออฟโรดนิดหน่อยให้พอได้ลุยสมใจ รุ่นนี้ขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 สามารถเปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่านตัวหมุนบริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อม ฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้

เมื่อถึงที่หมายพวกเราก็ได้ปิกนิกกันสมใจ รับประทานอาหารกลางวันกันอย่างครื้นแครงท่ามกลางวิวแบบพาโนราม่า 360 องศา ที่เห็นเวิ้งน้ำจากเขื่อน เห็นเกาะแก่ง เห็นภูเขาที่งดงาม อ้อ...เนื้อย่าง อร่อยมากจนต้องชมครับ เอิ๊ก ๆ

เมื่อบ่ายคล้อยประมาณสองโมงกว่าเราก็เคลื่อนขบวนเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ โดยจะมีจุดหมายอีกแห่งคือ  Din Cafe ในตัวเมืองกาญจนบุรี และรอบนี้แหละคือความบันเทิงของจริงเพราะผมสลับมาให้น้องสาวจากอีกสื่อหนึ่งได้ทดลองขับดูบ้าง ซึ่งเหตุนี้เองที่เราจะได้ทดลองระบบความปลอดภัยกันจริง ๆ และเรียลไทม์เป็นระยะทางเกือบ 60 กิโลเมตร

โอ้ว ๆ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย นุ่งลุ้นจนขาแข็ง เพราะได้เห็นเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW) เทคโนโลยีจะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า คือออกจากไร่ย่าแย้มเข้าเส้นทางที่เป็นถนนเลนส์สวนในเขตอุทยานแห่งชาติก็เริ่มมันส์แล้วครับ ระบบร้องและเตือนกันตลอดทาง

เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ระบบจะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ โดยจะช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อชะลอความเร็ว และหยุดรถ เพื่อลดความรุนแรง หรือ ลดความสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุเทคโนโลยีป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) ความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนช่องทางการขับขี่ ทันทีที่สัญญาณไฟเลี้ยวถูกเปิดระบบจะส่งเสียงสัญญาณพร้อมไฟกระพริบเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าขณะนั้นกำลังมีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้างซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น หากยังพบการเบี่ยงเข้าหาช่องทางด้านข้างที่มีรถตามมา ณ จุดอับสายตา เทคโนโลยีจะส่งแรงเบรกอย่างนุ่มนวลเพื่อดึงรถกลับสู่เส้นทางการขับขี่

เทคโนโลยีควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention - ILI) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง Lane Departure Warning (LDW) ซึ่งจะแจ้งเตือนด้วย สัญญาณและเสียงเมื่อรถเคลื่อนที่ออกนอกช่องทางขับขี่ โดยระบบจะทำงานเมื่อมีการขับเคลื่อนด้วยความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งนี้หากพบว่ารถกำลังออกนอกช่องทางขับขี่อย่างต่อเนื่อง และสัญญาณไฟเลี้ยวไม่ได้ถูกเปิด เทคโนโลยีจะส่งแรงเบรก เพื่อดึงรถกลับสู่ช่องทางการขับขี่ เพื่อช่วยและเตือนผู้ขับให้รู้ว่ารถกำลังออกนอกช่องทาง เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) ระบบจะเตือนระหว่างเข้าเกียร์ถอยหลัง เมื่อตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้ายและขวา ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกระพริบเตือนในด้านเดียวกันกับที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา

เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) เทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ ซึ่งช่วยให้การขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น

พิเศษขึ้นไปอีกสำหรับ นาวารา ใหม่ ที่เพิ่มระบบ Off-Road Meter เพื่อมุมมองขณะขับขี่ไปข้างหน้าในโหมด 4L* นอกจากนี้จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ โดยจะปรากฏบนหน้าจอกลาง ซึ่ง เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและให้ความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชันช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว ขณะที่เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันช่วยป้องกันไม่ให้รถไถลเมื่อขับลงทางลาดชันสูงโดยใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วโดยไม่ต้องเหยียบเบรกช่วย

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (TCS) ช่วยควบคุมล้อให้ค่อยๆหมุนออกตัวโดยไม่เกิดอาการล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัจฉริยะ Vehicle Dynamic Control (VDC) ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักเลี้ยวกะทันหัน

ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง Trailer Sway Assist (TSA) ABS ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค EBD ระบบกระจายแรงเบรก BA บบเสริมแรงเบรก ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) ถุงลมนิรภัย SRS 7 จุด คู่หน้า / ข้าง และม่านข้างซ้ายขวา และบริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งในทุกรุ่น

 โอ้ว พ่อจ๋า ในที่สุดก็มาถึงร้าน Din Cafe เสียที น้องพีอาร์สาวสวยที่นั่งเบาะหลังนี่ลุ้นกว่าผมอีก เพราะเธอร้องกรี๊ดขึ้นมาหลายช่วง ทั้งช่วงที่รถกินเลนส์ไปเลนส์อื่นงี้ ทั้งตอนที่รถติดหรือมีรถตัดหน้าแซงในตัวเมือง เป็นต้น คือระบบต่าง ๆ ช่วงชีวิตพวกเราไว้เลยก็ว่าได้ สุดยอดครับ ขอบคุณน้องสาวคนสวยสายไลฟ์สไตล์ท่านนี้ด้วยที่ทำให้ทริปนี้เราได้ลองระบบกันคุ้มมาก ๆ เมื่อออกจากคาเฟ่ผมเลยขอเป็นคนขับกลับกรุงเทพแทนครับ ก็ลองระบบมาจนคุ้มแล้วนี่ครับ เอาเป็นว่าใครมองหารถกระบะเท่ ๆ หล่อ ๆ สมรรถนะดีเยี่ยม แนะนำรุ่นนี้กันไปเลยครับ New Nissan Navara รุ่น Double Cab VL ราคา 1,129,000 บาท ทดลองขับได้ที่โชว์รูมนิสสันนะครับ

Nissan Navara 2021 Double Cab VL ปิกนิกจุดกางเต็นท์ที่ไร่ย่าแย้ม เขื่อนศรีนครินทร์