We lost because we didn’t win

We lost because we didn’t win

สมดังคำที่ว่าลูกกลม ๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไฮไลท์สำคัญของศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อเจ้าบุญทุ่มแห่งลาลีกาอย่างบาเซโลน่า (สเปน) ได้ทำให้ทั้งโลกตะลึงอีกครั้งหลังจากนัดแรกบุกไปพ่าย ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แห่งลีกเอิง (ฝรั่งเศส) โดยในนัดสองบาเซโลน่าเปิดสนามคัมป์นูพลิกล็อคเอาชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง 6-1 สกอร์รวม 2 นัด 6-5 ทำให้บาเซโลน่า ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอย่างเหลือเชื่อ!! วันนี้เราจะพามาย้อนดู 5 แมตซ์โกงความตายยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่ทีมตามสามารถพลิกกลับมาเอาชนะได้ในช่วงท้ายเพียงไม่กี่นาที

1. ลา คอรุนญา 4-0 เอซี มิลาน (5-4) รอบ 8 ทีม นัดสอง เม.ย. 2004
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา ยอดทีมของสเปน พบกับ เอซี มิลาน ที่เป็นศูนย์รวมของเหล่าสตาร์ดังระดับโลก ทั้ง เปาโล มัลดินี, ริวัลโด, ริคาร์โด กาก้า และ อังเดร เชฟเชนโก ในเกมแรกนั้น เอซี มิลาน เอาชนะ ลา คอรุนญา ไปก่อนถึง 4-1  แต่เกมนัดสอง ที่สนาม ริอาซอร์ สเตเดียม ลา คอรุนญา เป็นฝ่ายไล่ถล่ม “ปีศาจแดงดำ” กลับ 4-0 จากสามประตูในครึ่งแรก และประตูปิดท้ายของ ฟราน กอนซาเลซ ในนาทีที่ 76 ผ่านเข้ารอบต่อไปแบบพลิกความคาดหมาย 

2. บาร์เซโลนา 4-0 เอซี มิลาน (4-2)  รอบ 16 ทีม นัดสอง 12 มี.ค. 2013
การโกงความตายเกิดขึ้นกับทีม “ปีศาจแดงดำ” อีกครั้ง ในเกมเมื่อปี 2013 ที่พวกเขาพบกับ บาร์เซโลนา ซึ่งแม้เกมแรกทีมดังแห่งซาน ซิโร จะตุนสกอร์ไว้ถึง 2 ประตูจากลูกยิงของ เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง กับ ซัลลีย์ มุนตารี แต่ในเกมนัด 2 ที่สนาม คัมป์ นู “เจ้าบุญทุ่ม” ที่เปิดเกมบุกแบบเต็มสูบ กลับมารัว 4 ลูกรวด จาก 2 ประตูของ ลีโอเนล เมสซี, ดาบิด บียา และจอร์ดี อัลบา ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ

3. เชลซี 4-1 นาโปลี (5-4)  รอบ 16 ทีม นัดสอง 14 มี.ค. 2012
อีกหนึ่งสุดยอดแห่งการคัมแบ็ค หลังจากที่ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” พลาดท่าบุกไปพ่ายต่อ นาโปลี ภายใต้การคุมทีมของ วอลเตอร์ มาซซารี 1-3 ซึ่งนัดสอง เชลซี กลับสู่เกมของตัวเอง โดยขึ้นนำไปก่อน 2-0 แต่ในนาทีที่ 55 โกคานอินแลร์ มายิงประตูอเวย์โกล์ ซึ่งทำให้ เชลซี ต้องทำอีก 1 ประตูเพื่อยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา และเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด กองกลางตัวเก่ง ที่สังหารจุดโทษเข้าไปในนาทีที่ 75 ก่อนที่สุดท้ายในช่วงต่อเวลา บลานิสลาฟ อิวาโนวิช จะมาทำประตูชัยให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ซึ่งจากนั้นพวกเขาผ่านด่านทั้งเบนฟิกา, บาร์เซโลนา และบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยูซีแอลเป็นสมัยแรกของสโมสรมาครองได้สำเร็จ

4. ลิเวอร์พูล 3-3 เอซี มิลาน (5-4)  รอบชิงชนะเลิศ 25 พ.ค. 2005
หากจะพูดถึงเกมแห่งการโกงความตายที่ดีที่สุด คงจะหนีไม่พ้นค่ำคืนประวัติศาสตร์ที่ อิสตันบูล ซึ่งเป็นการดวลกันของ ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์ถ้วยยุโรป 4 สมัย กับ เอซี มิลาน เจ้าของแชมป์ 6 สมัย แม้ดูเหมือนว่าการสู้รบระหว่างทั้งสอง จะปิดฉากลงตั้งแต่ช่วงจบครึ่งแรก หลังจาก “ปีศาจแดงดำ” ขึ้นนำไปถึง 3-0 อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ “หงส์แดง” ในตอนนั้นกระตุ้นลูกทีมอย่างหนัก ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล กลับมายิง 3 ประตูรวดในช่วงครึ่งหลัง ตีเสมอได้สำเร็จชนิดช็อคโลก และบังคับให้เกมต้องเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษแต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งลิเวอร์พูลเป็นผู้ชนะ และครองแชมป์สมัยที่ 5 ของพวกเขาได้อย่างเหลือเชื่อ

5. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 บาเยิร์น มิวนิค รอบชิงชนะเลิศ 26 พ.ค. 1999
ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอย่างรวดเร็วในเกมนั้นจากการยิงฟรีคิกของ มาริโอ บาสเลอร์ และ บาเยิร์น ยังคงเล่นได้ดีกว่ามีโอกาสมากมายในการปิดเกม แต่ “ปีศาจแดง” ยังตามหลังแค่ 1-0 จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เท็ดดี เชอริงแฮม และ โอเล กุนนาร์ โซลชา 2 กองหน้าตัวสำรอง มาทำ 2 ประตูปาฏิหาริย์ ให้ “ผีแดง” แซงคว้าแชมป์ไปครอง และกลายเป็นตำนานในวงการลูกหนังอีกหนึ่งเกมมาจนถึงทุกวันนี้ 

Did You Know
หลังจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง บุกไปแพ้ บาเซโลน่า ถึงถิ่นคัมป์นู 6-1 7ที่ประเทศกาบองเกิดเรื่องน่าสลดเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ เมื่อวัยรุ่นชายแฟนบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยับยั้งอารมณ์โมโหไม่อยู่ใช้ของมีคมแทงเพื่อนจนเสียชีวิต ขณะนั่งดื่มด้วยกันหลังเกมแชมเปียนส์ลีก เพียงเพราะผู้ตายพูดเยาะเย้ยเรื่องที่ทีมรักของผู้ก่อเหตุถูกบาเซโลน่าเขี่ยตกรอบอย่างน่าเหลือเชื่อ

ไฮไลท์สำคัญของศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย