เกาะลอย – สีชัง

เกาะลอย – สีชัง

บางครั้งโลกก็ผลักดันให้ทางเดินของเราหมุนวน ปรับเปลี่ยนปรุงแต่งไปได้ชั่วครั้งชั่วคราว ทว่าเมื่อถึงที่สุด ใครสักคนอาจพบว่า ทางเดินสายเก่าก็ยังเปี่ยมความงดงามและฉุดดึงให้เรากลับมาเป็นส่วนหนึ่งเสมอ

เราชัดแจ้งถึงนิยามเหล่านั้น เอาเมื่อตอนได้มายืนอยู่ริมทะเลอ่าวไทยในพิกัดของอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่เกาะลอย โลกของคนไทยเชื้อสายจีนปะปนไปกับนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ต่างคนต่างมุ่งมาหาสวนสาธารณะบรรยากาศดีแห่งนี้ด้วยต่างจุดมุ่งหมาย

โลกยามเย็นของครอบครัวท้องถิ่นปรากฏเป็นภาพปิกนิกบนเสื่อและลมทะเลพัดโชย หมึกย่างและอาหารทะเลประดามี รอเพียงดวงตะวันย้อมฟ้าเป็นสีส้มทอง

คณะทัวร์นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน ศาลเจ้าตรงลานดินด้านล่างเกาะนั้นไม่เคยห่างหายการมาสักการะ พวกเขาพกพาความเชื่อ ความหวัง ผนวกเข้ากับการเดินทางและมาถึงที่นี่ด้วยภาพเปี่ยมสีสัน

จากพื้นที่ราว 3 ไร่ กลางทะเลหน้าแผ่นดินอำเภอศรีราชา เกาะลอยผ่านพ้นการเป็นพื้นที่สาธารณะเคียงข้างคนที่นี่เนิ่นนาน จากการมีถนนตัดตรงสู่ตัวเกาะเปลี่ยนผ่านสู่การสร้างสะพานคอนกรีตเพื่อเหตุผลทางการไหลผ่านของกระแสน้ำที่สะดวกยิ่งขึ้น

ใครสักคนชวนขึ้นไปหาโลกกระจ่างตาด้านบนยอดเขา ศาลหลวงพ่อผิว อดีตเจ้าอาวาสแห่งวัดศรีมหาราชาโดดเด่นอยู่เบื้องบน กลิ่นธูป ควันเทียน รวมไปถึงภาพศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนาฉายชัดเหนือความสูง

มองตรงออกไปสู่ผืนทะเล ตรงเส้นขอบฟ้าปรากฏสัณฐานของเกาะสีชังและเกาะขาม ไล่เรียงในทะเลสีฟ้าสด ด้วยพื้นที่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากอ่าวไทยเรือสินค้าลอยลำเรียงรายรอการขนถ่ายสินค้าหนัก ราวภาพโปสการ์ดอันแสนลงตัว

เรานั่งมองผืนฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลา ท้องทะเลหน้าเกาะลอยเต็มไปด้วยผู้คนผู้ผ่านทางและชาวบ้านพื้นถิ่น ที่พร้อมจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในยามที่ความมืดมาเยือนทะเลผืนหนึ่งหน้าอำเภอศรีราชา

ในวันแดดใส เราข้ามลงเรือหน้าเกาะลอย ฝั่งอำเภอศรีราชา ลอยลำมากับชาวบ้านเกาะสีชังและนักท่องเที่ยว เมื่อมาถึง ต่างคนคล้ายมีปลายทางเฉพาะตัวรออยู่

วันนี้ที่ท่าเรือภาณุรังสี ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เสียงประทัดเปรี้ยงปร้างไปทั่วหัวเขา ทะเลหน้าเกาะสีชังกระจ่างใส เรือสินค้าขนาดใหญ่จากนานาชาติเรียงรายอยู่ปลายตา เสียงสวดภาษาจีน ควันธูป เสียงเคาะระฆัง ปนเปฟังไม่ได้ศัพท์แต่ก็เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันแสนแปลกใหม่

กลุ่มวัยรุ่นเช่ามอเตอร์ไซค์ได้ก็ขี่หายไปตามทางซีเมนต์นักเรียนมัธยมเพิ่งกลับจากฝั่งเมือง ส่งเสียงเริงร่าทักทายพี่ป้าน้าอาที่อยู่ตามสะพานท่าเรือ สกายแล็บคันโตวิ่งวุ่นรับผู้โดยสาร เฒ่าชรากลับสู่กางเกงเลตัวเก่าและผ้าขาวม้าพาดไหล่ ออกมานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไม้หน้าเรือนแถวเก่าคร่ำอย่างสบายอารมณ์

เก่าแก่แสนนาน เกาะกลางทะเลอย่างสีชังผ่านคลื่นลมควบคู่กับหลายชีวิตที่พาตนเองมาปักหลัก อากาศแสนบริสุทธิ์ในอดีตกว่าร้อยปีดึงทั้งเชื้อพระวงศ์ของไทยและสามัญชนชาวจีนเข้ามาสัมผัสสายลมและเสียงคลื่น ตกทอดอยู่ในพระราชวังโบราณ อาคารบ้านเรือน รวมไปถึงแววตายามหันหน้าออกสู่ผืนทะเลของคนที่คงอยู่ควบคู่ 

หากพอจะเรียกแผ่นดินกลางทะเลผืนนี้ว่าบ้านเก่าแก่กลางทะเลแห่งนี้ก็อบอุ่นไม่ต่างจากที่ไหนๆ

จากท่าเรือเทววงศ์ หรือที่คนเกาะสีชังเรียกกันว่าท่าล่างเราพาตัวเองลัดไปตามถนนสายหลักของเกาะ ที่มั่นคงแข็งแรงขึ้นกว่าโมงยามก่อนหลายต่อหลายเท่า สกายแล็บพร้อมเฒ่าชราพาเราลัดเลาะไปตามกายภาพของสีชัง ช่องเขาขาดที่ด้านท้ายเกาะอุดมด้วยหาดหินกลมมนและวิวสูง ว่ากันว่ามันคือจุดชมพระอาทิตย์ตกอันแสนโรแมนติก

บางคราวเราสวนความสูงขึ้นไปมองทะเลกระจ่างตาที่มณฑปรอยพระพุทธบาท เหนือวิวพาโนรามานั้นคือรอยพระพุทธบาทที่รัชกาลที่ 5 ทรงนำมาประดิษฐานไว้เคียงคู่สีชัง

โลกของทะเลสีฟ้าสดสวยใสชัดเจน ภาพพักผ่อนและบ่งบอกถึงความเป็นพื้นที่อากาศดีของสีชังอยู่ที่หาดถ้ำเขาพังหาดกว้างทางด้านตะวันตกของเกาะ ตรงนั้นราวสวรรค์ของเด็กๆ และคนรักการเที่ยวทะเล พวกเขาจ่อมจมอยู่กับมวลน้ำ เกลียวคลื่น และหาดทรายอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยหากอยากพักทานอาหาร ร้านริมหาดก็รอคอยพวกเขาอยู่ด้วยอาหารทะเลสดใหม่และเครื่องดื่มรสชาติดี

เกาะโบราณที่ตกทอดเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของสีชัง ก็ชัดเจนอยู่ด้วยการที่เคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5และรัชกาลที่ 6 จากหลักฐานในพระนามาภิไธยหลายแห่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานบนเกาะขึ้นเป็นแห่งแรก เพื่อเป็นสถานที่ประทับในฤดูร้อน รวมถึงเป็นที่พักฟื้นหลังเจ็บป่วยของพระราชวงศ์ และเรากำลังก้าวสู่โลกโบราณแห่งนั้น โลกที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานนามว่าพระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติบนเกาะสีชังแห่งนี้ 

คล้ายย้อนไปในละครพีเรียด หมู่อาคารศิลปะตะวันตกเรียงรายอยู่ตรงชายหาด ลดหลั่นกันไปตามความสูงต่ำที่งดงาม พระที่นั่ง 4 องค์ ศาลา สวนดอกไม้ ธารน้ำ น้ำพุ ทั้งหมดสมบูรณ์ด้วยภูมิทัศน์ที่ได้รับการดูแล เรือนเขียวอันเป็นที่ประทับประจำของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ปัจจุบันกลายเป็นร้านกาแฟแสนสวย ขณะที่เรือนผ่องศรีและเรือนวัฒนาคือพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นบนเกาะสีชัง รวมไปถึงบุคคลสำคัญที่มีความผูกพันกับสีชัง

สะพานอัษฎางค์ทอดยาวไปในทะเลสีฟ้าใสสะพานไม้โบราณแสนคลาสสิกไม่เคยห่างหายผู้คนมาเยี่ยมเยือนและถ่ายรูปคู่ จากสะพานไม้ที่รัชกาลที่ 5 ทรงใช้เป็นท่าเทียบเรือหลังจากเสด็จประพาสฝรั่งเศส ผ่านวันเวลาและการบูรณะหลายครั้งคราว ทว่าก็ยืนหยัดมาเคียงข้างสีชังอย่างงดงาม

เหนือสุดของพื้นที่พระจุฑาธุชราชฐานก็คือวัดอัษฎางคนิมิตร พระอุโบสถที่อยู่ในเขตพระราชวัง ตั้งอยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ตัวพระอุโบสถสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ทัศนียภาพงดงามรายรอบสามารถมองเห็นได้จากองค์พระเจดีย์

เห็นไปถึงทะเลสีครามที่หล่อหลอมเกาะสีชังขึ้นมาเห็นโลกในอดีตอันสำคัญตกทอดเป็นสิ่งก่อสร้างงดงามเคียงคู่บันทึกทางประวัติศาสตร์รวมถึงเห็นลึกไปสู่การเป็นบ้านของผู้คนส่วนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปักหลักและหล่อหลอมตัวตนมากับผืนทะเลชลบุรี 

How to go?

จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายบางนา - ตราด มุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี จากตัวเมืองชลบุรี มุ่งหน้าสู่บางแสน (หลักกิโลเมตรที่ 104 แยกขวามือเข้าหาดบางแสน) จากทางเข้าหาดบางแสน ขับตรงไปประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอศรีราชา เลี้ยวขวาเข้าสู่สวนสาธารณะเกาะลอยอันเป็นจุดข้ามเรือไปยังเกาะสีชัง

จากท่าเรือเกาะลอยข้ามไปเกาะสีชัง มีเรือโดยสารออกทุกวัน ตั้งแต่ 6.00 - 20.00 นาฬิกา ออกทุกชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที วันเสาร์อาทิตย์จะเพิ่มเรือรอบเวลา 7.00 นาฬิกา

เช่ารถเที่ยวบนเกาะสีชัง สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์หรือสามล้อเครื่องสกายแล็บ (นั่งได้ 3 - 4คน) ค่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 250 บาท, ค่ารถสกายแล็ป 250 บาท

Where to sleep?

ปาลีฮัท รีสอร์ท โทร 08-7903-4300 เว็บไซต์ www.pareehut.com
สีชังพาเลซ โทร 08-1403-4111, 08-1372-7087, 0-3821-6030 เว็บไซต์ www.sichangpalace.com
มาลีบูฮัท โทร. 08-1654-2211, 08-5092-9424 เว็บไซต์ www.maleeblue.com

จากริมฝั่งถึงแผ่นดินกลางทะเล