ในความทรงจำ

ในความทรงจำ

จริงอยู่ที่ว่าคนเรามีความประทับใจเกิดขึ้นได้มากมาย แต่ถ้าให้นับกันจริงๆ มีเรื่องไหนที่คุณจำได้ไม่เคยลืม และยังคงลงลึกในรายละเอียดได้ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ...

เมื่อตอนยังเด็กในชั้นประถม ฉันค่อนข้างจะถูกเก็บตัว ไม่ใช่การไม่สุงสิงกับเพื่อนรอบๆ บ้าน แต่เป็นเพราะแม่ไม่ชอบให้ฉันไปเล่นที่บ้านใคร ไม่ชอบให้ฉันไปไหนไกลตา และที่สำคัญเหมือนว่าละแวกแถวๆ บ้านนั้นบรรยากาศสภาพแวดล้อมของผู้คนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ซึ่งเรื่องราวพวกนั้นฉันไม่ค่อยใส่ใจหรอก เอาเข้าจริงๆ ฉันก็แอบหนีออกไปเล่นข้างนอกบ้านอยู่บ่อยๆ อาจเพราะฉันไม่คุ้นชินกับการที่จะต้องอยู่คนเดียวเหมือนแม่ก็ได้

ที่บ้านฉันเป็นร้านตัดเสื้อ มีคนเข้าออกมากมายแต่ล้วนแล้วก็เข้ามาและจากไปด้วยเรื่องของธุรกิจเท่านั้น ฉันอาจตื่นเต้นเกือบทุกครั้งที่มีคนใหม่ๆ เข้ามา ได้พูดคุยทักทาย ทำให้บรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวราวไข่มุก ได้กลับมามีบรรยากาศที่หลากสีอีกครั้ง ฉันสนุกที่ได้ดูผู้คนเปิดดูแบบแฟชั่น ลองเสื้อผ้าฝีมือของแม่ และพูดคุยพอให้แม่หายเหงาไปได้มาก ...

ฉันรู้สึกว่ารับรู้ได้นะ  
ในบางครั้ง 
ในแววตา ...

แต่แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้เกิดความรู้สึกประหลาดอย่างเรียกไม่ถูกในตอนนั้นว่ามันคืออะไร ในช่วงบ่ายๆ ของวันหยุด ระหว่างที่ฉันกำลังนอนอ่านการ์ตูนเพลินๆ อยู่หลังบ้าน

ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ ดังเบาๆ อยู่แถวประตูรั้วไม้ ใจนึงก็คิดว่าเป็นเสียงของลูกสุนัขที่ฉันเลี้ยงเอาไว้ เมื่อลุกขึ้นเดินไปดู ก็เห็นเด็กหญิงที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าเธอโตกว่าหรือรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน นั่งหมอบอยู่ตรงซอกประตูราวกับว่ากำลังแอบใครบางคน ฉันแทบกลั้นหายใจเพราะกลัวว่าแม้เพียงการขยับตัวนิดเดียวนั้นจะทำให้เธอรู้ตัว ฉันนิ่งอยู่ข้างๆ ประตูนั้นราว 5 นาทีได้ สายตาก็ยังคงมองสำรวจไปที่เธอคนนั้น เธอเป็นคนที่โครงร่างใหญ่ หรือจะเรียกว่าอวบก็ว่าได้ ผิวสีออกดำแดง ผมสั้นทรงนักเรียนหญิง
มีสีน้ำตาลประกายทองเมื่อต้องแสงแดดและเป็นคลื่นหยักดูแปลกตา แต่เพราะอะไรสักอย่างเธอเหลือบตามาที่ฉัน เรามองเห็นกันและกัน คราวนี้ฉันจ้องไปที่ดวงตาของเธอ มันเป็นดวงตาสีน้ำตาล กลมโต แต่กลับให้ความรู้สึกบางอย่างในใจ

“กินคุ้กกี้มั้ย” ก็เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้ฉันถามเธอออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้มีคุ้กกี้อยู่ที่โต๊ะเสียด้วย แต่เธอคนนั้นกลับนิ่งนานแล้วพยักหน้าหนึ่งครั้ง หนึ่งครั้งนั้นก็ทำให้เห็นดวงตาของเธอผลุบลงมองที่รองเท้ารูปเป็ดสีเหลืองของฉัน ฉันไม่ทันได้คิดอะไรก็เปิดประตูเล็กให้คนแปลกหน้าเข้ามายืนอยู่ในสวนหลังบ้านของฉันแล้ว แต่แปลกแฮะ ... ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ ตัวเธอยิ่งใหญ่กว่าที่ฉันคิดเสียอีก ฉันพาเธอไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเสื่อที่ฉันปูนอนเล่นเมื่อก่อนหน้านี้ แล้ววิ่งเข้าไปหยิบคุ้กกี้ในบ้านมาให้ 

และแม่ยังคงสาละวนอยู่กับลูกค้าหน้าร้าน ...    

เธอกินคุ้กกี้ ค่อยๆ กัดมันทีละคำเหมือนไม่เคยได้รับรู้รสชาติของมันมาก่อน ฉันให้เธอดื่มน้ำมะเขือเทศที่แม่คั้นไว้ให้ในตู้เย็น ตลอดเกือบยี่สิบนาทีเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย ฉันได้แต่เฝ้าดูอากัปกิริยาของคนแปลกหน้าเท่านั้น เมื่อขนมและน้ำหมดลง ฉันก็เริ่มพูดคุยกับเธออีกครั้ง เมื่อถามว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน เธอไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้ออกมาแบบไม่มีเสียง และมีแต่น้ำตา หลายคนคงอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม แต่ ณ เวลานั้น ฉันกลับได้แต่คิดวนอยู่ในหัวว่า “เฮ้ย เธอทำได้ไง ร้องไห้ไม่มีเสียง ไม่เอามือปิดปากด้วย นั่นมันน้ำตาใช่มั้ย ทำไมมันเม็ดโตจัง” ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมมัวแต่ไปคิดถึงเรื่องพวกนี้แทนที่จะถามอะไรที่มันสำคัญมากกว่านั้น 

เกือบชั่วโมงที่เรานั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้น และแปลกมากที่แม่ก็ไม่ได้เดินมาดูฉันเหมือนที่เคยทำ เพราะกลัวว่าฉันจะหนีออกไปเล่นข้างนอกนั่นเอง ฉันเริ่มเบื่อที่จะนั่งสำรวจคนแปลกหน้าแล้ว เลยหันไปหยิบสมุดวาดเล่นข้างๆ แล้วยื่นให้เธอคนนั้นพร้อมกับดินสอสี ฉันเพียงจะชวนเธอวาดรูประบายสีเล่น เพราะมันเป็นการเล่นด้วยกันแบบไม่ต้องใช้เสียง คงเป็นเพราะแบบนี้แหละ ฉันคิดว่านะ แต่เธอกลับเขียนบางอย่างส่งกลับมาให้ว่าเธอชื่อศรัญญา เธอไม่มีชื่อเล่น ‘แปลกจัง ที่โรงเรียนเพื่อนๆ ก็มีชื่อเล่นทุกคนเลยนะ’ 
ฉันก็ได้แต่คิดอะไรไร้สาระอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ เธอก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้เธอสะอื้น สะอื้นเสียจนตัวโยน ฉันได้แต่เอื้อมมือไปจับข้อมือเธอเบาๆ พอถึงตอนนี้ ฉันก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าได้พูดอะไรออกไปหรือไม่ และได้คิดอะไรบ้าๆ บอๆ อยู่ในใจอีกหรือเปล่า เพราะตัวหนังสือที่เขียนอีกบรรทัดต่อไปนั้น มันเริ่มยาวขึ้นๆ

เธอบอกว่าที่บ้านปลูกเป็นเพิงอยู่ริมคลองระบายน้ำ นอกจากพ่อกับแม่แล้วก็มีแต่เธอกับน้องๆ อีก 6 คน ที่บ้านเก็บขวดขาย ไม่มีทีวีและของเล่นอะไร ชอบมาแอบดูฉันนอนอ่านหนังสือและเล่นของเล่นตรงนี้บ่อยๆ เธอบอกว่าเธอพูดไม่ได้ตั้งแต่เกิดแล้ว ในทุกวันเธอจะออกไปเก็บขยะและพวกขวดต่างๆ มาไว้ที่บ้านเพื่อให้พ่อกับแม่คัดแยกแล้วรวบรวมไปขายยังอาแปะอีกที ส่วนวันอาทิตย์เธอจะแอบไปที่โบสถ์คริสเตียนเพื่อเรียนหนังสือ เธอบอกว่าเคยเจอฉันที่นั่น อืม ... อาจจะใช่นะ เพราะฉันชอบตามติดครูฝรั่ง
คนหนึ่งไปเรียนภาษาอังกฤษที่นั่นทุกอาทิตย์จริงๆ เธอบอกว่าเคยอยากรู้ว่าทำไมฉันชอบอ่านหนังสือจึงสนใจที่จะไปเรียนหนังสืออย่างจริงจัง

เธอเฝ้ามองดู และอยากเป็นเพื่อนกับฉัน ยิ่งเขียนถึงตรงนี้ความรู้สึกอบอุ่นประหลาดก็แทรกตัวเข้ามาอีกครั้งราวกับว่ามันไม่เคยห่างหายไปไหนเลย 

แต่แล้วเมื่อวานสุนัขที่เธอเลี้ยงกลับถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะมันได้ไปกัดขาลูกสาวบ้านหนึ่ง ... เธอเขียนมาถึงตรงนี้แล้วมองหน้าฉันด้วยแววตาที่เศร้าสุดๆ ใช่แล้วล่ะ มันคือแววตาที่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรในแว้บแรกที่เห็นนั่นเอง เธอบอกว่าเธอร้องห้ามสุดเสียงแล้วทันทีที่เห็นภาพโหดร้ายตรงหน้า แต่เสียงมันไม่เคยเปล่งออกมาได้ดังเท่าเสียงร้องไห้ในใจเธอ ... ฉันเชื่ออย่างนั้น 

ฉันก้มมองผ้าพันแผลที่อยู่รอบๆ ขาซ้าย ... 

ฉันจับมือขอให้เธอหยุดเขียน พร่ำพูดคำว่าขอโทษๆ กับเธอราวกับอยากพูดเป็นล้านๆ ครั้ง ฉันไม่รู้ว่าการที่พ่อแวะมาเยี่ยมแล้วเห็นว่าฉันมีบาดแผล คือต้นเหตุให้ใครสักคนต้องลงโทษ ... อีกหนึ่งชีวิต 

ศรัญญายังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น และฉันก็ร้องไห้ไปกับเธอด้วย เราเพิ่งรู้จักกัน ฉันเพิ่งได้รู้จักการแบ่งปันให้ใครสักคนอย่างแท้จริงก็วันนี้ นานเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเราหลับกลางวันไปด้วยกันในสวนหลังบ้านตรงนั้น ฉันกลัวว่าแม่จะเดินมาเห็น แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ศรัญญากลับ ฉันตัดสินใจถามศรัญญาไปหนึ่งคำว่า “พรุ่งนี้จะมาอีกมั้ย” เธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับฉัน ตอนนั้นดีใจมาก รู้สึกแปลกประหลาด อยากเจอ อยากเป็นเพื่อนกับเธอเหมือนกัน

ผ่านไปสองสามวัน ฉันก็ยังรออยู่หลังบ้าน เดินออกไปมองที่ถนนก็ไม่เห็นมีศรัญญา ฉันรู้สึกวุ่นวายใจ ในตอนแรกคิดว่าจะไม่เล่าเรื่องสุนัขและศรัญญาให้แม่ฟัง เพราะกลัวว่าแม่จะห้ามไม่ให้เธอมาที่บ้าน แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ฉันได้ตัดสินใจเล่าให้แม่ฟังในที่สุด แม่บอกว่าอาจจะเป็นบ้านที่อยู่ริมคลองระบายน้ำหรือเปล่า ตรงนั้นไม่มีคนอยู่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่เขามาขุดลอกคูคลองขยายความกว้างรอบบริเวณ บ้านตรงนั้นเลยต้องรื้อถอน ... ศรัญญา ไม่อยู่แล้ว ...

หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ฉันได้เดินบนเส้นทางชีวิตของฉันผ่านจากวันนั้นมาแล้วยี่สิบกว่าปี มีบ้างแว้บๆ ที่คิดว่า ‘ศรัญญาจะเป็นอย่างไรนะ’ แต่ทุกครั้งที่คิด ภาพการพบกันครั้งแรก และความรู้สึกประทับใจในเรื่องราววันนั้น สายตาเศร้าๆ สีน้ำตาล ผมสีน้ำตาลทองเป็นคลื่นหยัก มันทำให้รู้สึกเหมือนเรายังเป็นเพื่อนกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนานจากวันนั้น บางครั้งที่เห็นใครลักษณะคล้ายกับศรัญญาในความทรงจำ ฉันก็อดไม่ได้ที่จ้องมอง เพื่อหวังว่าเราจะได้พบกัน ... อีกครั้งหนึ่ง 

จริงอยู่ที่ว่าคนเรามีความประทับใจเกิดขึ้นได้มากมาย